นายคำมูล หล้าหาญ


ที่อยู่

             125/2 หมู่ 4 ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก 63000

โทรศัพท์

             087-8491291

แนะนำปราชญ์เกษตร

                 นาย คำมูล หล้าหาญ พื้นเพเป็นคนขอนแก่น ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเลี้ยงชีพมาตลอด แต่ด้วยที่ดินผืนเดิมไม่อุดมสมบูรณ์เป็นดินทราย แห้งแล้ง จึงตัดสินใจย้ายมาทำการเกษตรที่จังหวัดกำแพงเพชร ปี พ.ศ.2524 ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า จังหวัดตาก นอกจากการทำนาปลูกข้าวเพื่อการบริโภคในครัวเรือนแล้ว พ่อคำมูลยังทำไร่ข้าวโพดกว่า 20 ปี พบว่ายิ่งทำยิ่งขาดทุนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเดินทางไปขายแรงงานยังต่างประเทศอยู่ระยะหนึ่ง จึงกลับมาทำการเกษตรเหมือนเดิม ที่พึ่งสารเคมี ทำให้ตนเองและสมาชิกในครอบครัวมีสุขภาพอ่อนแอ จากพิษของเคมี ปี 2540 ประเทศไทยประสบภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจ ทำให้ต้องปรับแนวคิดทำการเกษตรเพื่อพึ่งตนเอง โดยทำการเกษตรแบบผสมผสาน ทำนา เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชไร่ พืชผัก ผลไม้ โดยเลือกปลูกพืชที่คนในครอบครัวนิยมบริโภค และปลูกให้เพียงพอแก่การบริโภคภายในครัวเรือน ประกอบกับ ส.ป.ก. ตั้งนิคมเศรษฐกิจพอเพียงวังเจ้าในชุมชน เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ การเลี้ยงโคขุน ปลูกมะนาวปลูกไผ่หวาน โดยมีพ่อคำมูลเป็นแกนนำ รวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุน ปลูกมะนาว และวิสาหกิจปลูกไผ่หวาน เป็นเครือข่ายการเกษตร เพื่อชุมชนพึ่งตนเอง

องค์ความรู้

                 การเลี้ยงโคขุน,การผลิตไบโอดีเซล



                 การ เลี้ยงโคขุน เดิมพ่อคำมูลเริ่มจากการเลี้ยงโคพันธุ์พื้นบ้านมาก่อน หลังจากได้รับความรู้จาก ส.ป.ก. พ่อคำมูลจึงเริ่มเปลี่ยนจากการเลี้ยงโคพันธุ์พื้นบ้านมาเลี้ยงโคขุนตามคำแนะ นำของ ส.ป.ก. ถึงจะเปลี่ยนมาเลี้ยงโคขุนแต่พ่อคำมูลก็ยังไม่ละทิ้งการเลี้ยงโคพันธุ์พื้น บ้าน ยังคงเลี้ยงโคพ่อ แม่พันธุ์พื้นบ้าน เพื่อเก็บไว้ใช้ในการขยายพันธุ์ การเลือกพ่อแม่พันธุ์นั้น คัดจากลักษณะพื้นบ้านทั่วไป คือ โคที่มีรูปร่างสมบูรณ์ แข็งแรง ไม่เป็นโรค ตัวโต หูยาว วิธีการเลี้ยงโคขุน สร้างคอกโคขุน โดยคอกต้องมีความสะอาด จากนั้นนำโคที่ต้องการขุนออกมาเลี้ยงแยกจากโคตัวอื่น โคที่แยกออกจากฝูงนั้นจะทำได้ก็ต่อเมื่อโคมีอายุได้ 10 เดือนและหย่านมแล้ว ฉีดวัคซีนโคเพื่อฆ่าพยาธิ และทำฝังหูเพื่อให้ฮอร์โมนควบคุมการติดสัด ยาจะมีฤทธิ์ 4 เดือน เมื่อครบ 4 เดือนก็นำโคออกขาย โดยขายในราคา กิโลกรัมละ 43 บาท อาหารที่ใช้เลี้ยงโคขุนนั้นให้อาหารประมาณ 6 กิโลกรัมต่อวัน ซึ่งประกอบด้วย มันสำปะหลัง 37 กก. รำข้าว 40 กก. ใบ/ต้นกระถิน 10 กก. ปลายข้าว 5 กก. กากน้ำตาล 2.9 กก. ปุ๋ยยูเรีย 2.5 กก. แคลเซียม 1 กก. เกลือป่น 1 กก. พลีมิกข์ 0.5 กก. กำมะถัน 0.1 กก. นำส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน สามารถเพิ่มหญ้าหรือพืชอื่นๆเป็นอาหารเสริมได้



                 การผลิตไบโอดีเซล 1. นำน้ำมันที่ใช้แล้ว มาตั้งพักไว้ให้ตกตะกอนและกรองเอาตะกอนออก 2. ต้มน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว ให้อยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศา 3. น้ำมันผ่านการต้ม 5 ส่วน ผสมเมทานอล 1 ส่วน จากนั้นคนให้เข้ากันโดยคนไปในทิศทางเดียวกัน ตั้งทิ้งไว้ 1 คืนเพื่อให้ตกตะกอน 4. เมื่อตั้งทิ้งไว้น้ำมันจะแยกเป็นชั้น ส่วนบนเรียกว่า ไบโอดีเซล ส่วนชั้นกลางเรียกว่า กลีเซอลีน ชั้นล่างสุดเรียกว่า ไขมัน 5. การล้างไบโอดีเซล ตักน้ำมันส่วนบนสุดออกไปล้าง โดยการใส่น้ำสะอาดผสมกับน้ำมันในถังล้าง ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที เพื่อให้น้ำมันกับน้ำแยกชั้นออกจากกัน เปิดก๊อกถังล้างน้ำมันออกไล่น้ำในถังออกให้หมด - โดยปกติจะทำการล้างประมาณ 2-3 รอบ หรือสังเกตน้ำที่ล้างออกจะใส จะได้ไบโอดีเซล B 100 6. นำน้ำมันที่ล้างแล้วไปต้มเพื่อไล่น้ำ โดยน้ำก็จะระเหยกลายเป็นไอ ต้มจนได้อุณหภูมิ 150 องศา จากนั้นเอาน้ำมันมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรองอีกครั้ง ก็จะได้ไบโอดีเซล B 100 นำไปใช้ได้เลย